แก้วมังกร ผลไม้หายาก ขายได้ราคาสูง แต่ปลูกไม่ยากเท่ารวย ชี้เส้นทางรวย
แก้วมังกร ผลไม้น่ารับประทานที่ได้อยู่คู่กับเหล่าคนไทยมายังช้านาน มีการปลูกที่ค่อนข้างง่าย แต่อาจจะพบเป็นทั่วไปได้ค่อนข้างยาก เป็น ผลไม้ ที่น่ากินในระดับ 1 มีการปลูกยังไงกันบ้าง มีดังนี้ จากเครดิต UFABET เว็บตรง หากท่านอยากติดตามข่าวสานผลไม้ติดตามได้เลยที่นี่
วิธีการปลูกแก้วมังกรมีวิธีการปลูกยังไงกันบ้าง มีดังนี้
การเตรียมแปลงปลูก
1.เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
2.ดินร่วนระบายน้ำดี pH อยู่ระหว่าง 5.5 – 6.5
3.ยกแปลงสูง 30-50 เซนติเมตร กว้าง 1-2 เมตร
4.ใส่ปุ๋ยคอกหมักหรือปุ๋ยชีวภาพ ผสมกับดิน
การเตรียมต้นพันธุ์
1.เลือกซื้อกิ่งพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้
2.ควรเป็นกิ่งแก่ อายุ 1-2 ปี
3.มีรากแก้ว 2-3 ราก
4.ใบมีสีเขียวเข้ม
วิธีปลูก
1.ขุดหลุมปลูก กว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร
2.ผสมดินกับปุ๋ยคอกหมักหรือปุ๋ยชีวภาพ
3.วางต้นพันธุ์ตรงกลางหลุม
4.กลบดิน
5.รดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลรักษา
1.รดน้ำสม่ำเสมอ เช้า-เย็น
2.ใส่ปุ๋ยคอกหมักหรือปุ๋ยชีวภาพ 3 เดือนครั้ง
3.ตัดแต่งกิ่งให้โล่ง
4.ป้องกันแมลงศัตรูพืชและโรคพืช
การเก็บเกี่ยว
1.แก้วมังกรใช้เวลาปลูกประมาณ 10-12 เดือนจึงจะออกดอกและติดผล
2.เมื่อผลแก่จัด เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีเหลือง
3.ควรเก็บเกี่ยวในตอนเช้า
แก้วมังกรจะมีรสชาติประมาณนี้ มีดังนี้
1.พันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง: หวานอมเปรี้ยว หรือหวานจัด
2.พันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง: หวาน
3.พันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง: หวานกว่าพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง
มีปัจจัยหลายอย่างที่จะขึ้นอยู่กับรสชาติมีดังนี้
1.พันธุ์: แต่ละพันธุ์มีรสชาติที่แตกต่างกัน
2.ฤดูกาล: แก้วมังกรที่เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูร้อน มักจะมีรสชาติหวานกว่า
3.การดูแลรักษา: การใส่ปุ๋ย การให้น้ำ และการควบคุมโรคพืช ส่งผลต่อรสชาติของแก้วมังกร
4.อายุผล: แก้วมังกรที่สุกจัด จะมีรสชาติหวานกว่าแก้วมังกรที่ยังไม่สุก
5.แหล่งผลิต: แก้วมังกรที่ปลูกในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม มักจะมีรสชาติหวานกว่า